มาทำความรู้จัก เพลี้ยแป้ง (Mealybugs) คือศัตรูพืชขนาดเล็กที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ต่อพืชหลากหลายชนิด ทั้งไม้ผล ไม้ประดับ และไม้กระถาง
โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่อากาศร้อนชื้นหรือในเรือนเพาะชำ เพลี้ยแป้งมักเกาะตามซอกใบ ยอดอ่อน และก้านพืช เพื่อดูดน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตช้า ใบหงิกงอ ผลเสียรูป และอาจเกิดราดำตามมาได้จากมูลของเพลี้ยที่มีลักษณะเหนียวเหนอะ
การแพร่กระจายของเพลี้ยแป้งเกิดได้ง่ายจากลม มด หรือการเคลื่อนย้ายต้นไม้ หากไม่มีการควบคุมจะลุกลามอย่างรวดเร็ว การรู้จักพืชที่มักเป็นเป้าหมายของเพลี้ยแป้งจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้ปลูกต้นไม้ทุกระดับ ในหัวข้อต่อไปนี้คือพืชที่มักเจอเพลี้ยแป้งบ่อย พร้อมคำแนะนำเฉพาะสำหรับการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ
ลักษณะของเพลี้ยแป้ง และวิธีการสังเกต
ลักษณะของเพลี้ยแป้ง
เพลี้ยแป้ง (Mealybugs) เป็นแมลงศัตรูพืชขนาดเล็ก ลำตัวอ่อนนุ่ม มีลักษณะเด่นคือมี ผงสีขาวคล้ายแป้งเคลือบตัว ซึ่งเกิดจากไขมันและขี้ผึ้งที่ขับออกมาจากต่อมบนลำตัว ลำตัวรูปไข่ ยาวประมาณ 2–5 มม. และมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มตามส่วนต่างๆ ของพืช
- มีลักษณะฟูๆ สีขาวคล้ายปุยสำลี
- ตัวเต็มวัยมักเกาะตาม ข้อใบ โคนใบ ใต้ใบ หรือซอกกิ่ง
- ชอบดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้พืชแคระแกร็น ใบเหลือง และชะงักการเจริญเติบโต
- มักพบในช่วงอากาศร้อน แห้ง และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น โรงเรือนหรือในบ้าน
วิธีการสังเกตเพลี้ยแป้ง
1. ตรวจบริเวณซอกใบหรือใต้ใบ
- จุดซ่อนของเพลี้ยแป้งคือจุดที่สังเกตยาก ควรพลิกดูใต้ใบและโคนก้านใบ
2. มองหาคราบสีขาวคล้ายฝุ่นแป้ง
- หากพบคราบขาวตามกิ่ง ใบ หรือยอดอ่อน อาจเป็นสัญญาณของเพลี้ยแป้ง
3. ดูความผิดปกติของพืช
- ใบเหี่ยว เหลือง ร่วง หรือยอดไม่โต อาจมีเพลี้ยแป้งดูดน้ำเลี้ยงอยู่
4. มดจำนวนมากขึ้นผิดปกติ
- มดชอบของเหลวหวานที่เพลี้ยแป้งขับออกมา หากพบมดเดินเยอะตามพืช อาจมีเพลี้ยแป้งซ่อนอยู่
5. เช็ดด้วยสำลีหรือกระดาษทิชชู่
- ถูบริเวณต้องสงสัย หากมีคราบเหนียวหรือจุดขาวหลุดออกมา นั่นคือเพลี้ยแป้ง
🌳 ต้นไม้ที่มักเจอเพลี้ยแป้ง
1. แก้วมังกร (Dragon Fruit)
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยแป้งเกาะตามร่องต้นและผิวผล โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือพื้นที่ปลูกแน่น
- ผลกระทบ: ทำให้ผลเน่า แห้ง สีซีด และไม่สามารถจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์
- แนวทางจัดการ: ตัดแต่งต้นให้โปร่ง ฉีดพ่นสารสะเดา หรือน้ำสบู่ผสมแอลกอฮอล์เป็นระยะ
2. ฝรั่ง (Guava)
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยแป้งมักเกาะตามผิวผลและซอกใบ
- ผลกระทบ: ผลฝรั่งเกิดรอยดำ แห้งหรือเสียหาย ขายไม่ได้ราคา
- แนวทางจัดการ: หมั่นตรวจใต้ใบและผล อาจใช้เชื้อราบิวเวอเรีย (Beauveria bassiana) เพื่อควบคุมแบบชีวภาพ
3. มะม่วง (Mango)
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยแป้งเกาะตามยอดอ่อน ใบอ่อน และผลเล็ก
- ผลกระทบ: ใบหยิก ผลร่วง และยอดหยุดการเจริญเติบโต
- แนวทางจัดการ: ตัดแต่งกิ่งไม่ให้หนาทึบ ใช้กับดักกาวเหนียวล้อมโคนต้นป้องกันมดนำเพลี้ยขึ้นต้น
4. พุทธรักษา / ไม้ประดับทั่วไป
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยชอบอยู่ในสภาพชื้นใต้ใบและโคนก้าน
- ผลกระทบ: ใบร่วงเร็ว ใบซีด และเกิดเชื้อราดำ
- แนวทางจัดการ: ลดความชื้น ฉีดพ่นน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่อ่อน ๆ เป็นประจำ
5. แคคตัส / ไม้อวบน้ำ (Cactus & Succulents)
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยแป้งเกาะบริเวณตาต้นหรือโคนกิ่ง
- ผลกระทบ: ทำให้ต้นเน่า และหยุดการเจริญเติบโต
- แนวทางจัดการ: ใช้คอตตอนบัดจุ่มแอลกอฮอล์ 70% เช็ดเพลี้ย หลีกเลี่ยงความชื้นสะสม
6. ชวนชม (Adenium)
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยเกาะตามยอด กิ่งอ่อน และดอกตูม
- ผลกระทบ: ใบเหลือง ร่วงเร็ว ดอกไม่บาน
- แนวทางจัดการ: ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราเมตาไรเซียม หรือพ่นน้ำส้มควันไม้เจือจาง
7. โกสน / มอนสเตอร่า / ฟิโลเดนดรอน
- ลักษณะการระบาด: เพลี้ยแป้งเกาะใต้ใบ และบริเวณโคนก้านใบ
- ผลกระทบ: ใบมีจุดดำ ร่วง ใบหงิกหรือแหว่ง
- แนวทางจัดการ: พ่นสารอินทรีย์ เช่น น้ำมันสะเดา หรือผสมน้ำมันพืช 1% กับน้ำสบู่และน้ำ
✅ คำแนะนำเสริม
- หมั่นตรวจต้นไม้ทุก 3-5 วัน โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนชื้น
- ควบคุมมดในบริเวณแปลงปลูก เพราะมดช่วยเพลี้ยแพร่กระจาย
- ใช้ระบบน้ำหยดแทนพ่นน้ำรดต้น เพื่อไม่เพิ่มความชื้นใต้ใบ
- หมุนเวียนการใช้สารกำจัดแมลง เพื่อป้องกันเพลี้ยดื้อยา
0 Post a Comment
ใส่คำแนะนำในส่วนนี้ได้เลยค่ะ